เทคนิคแก้ อาการเสียของรถยนต์ ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ มีอะไรบ้าง? และต้องรับมือด้วยวิธีใด

รถสตาร์ทไม่ติดคือเรื่องชวนปวดหัวที่มักจะเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัวและสร้างปัญหาให้กับเจ้าของรถมากกว่าที่คิด โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นในช่วงเวลาเร่งรีบ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้าก่อนไปทำงาน หรือในขณะที่กำลังจะต้องไปทำธุระสำคัญ ซึ่งการดูแลตรวจสภาพรถอย่างสม่ำเสมอก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหารถสตาร์ทไม่ติดได้ แต่ถึงแม้ว่าจะมีการตรวจเช็กระยะและบำรุงรักษาอย่างเหมาะสมก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเจอปัญหานี้ ซึ่งสาเหตุของอาการ รถสตาร์ทไม่ติดเกิดจากอะไรบ้างนั้น เราจะพาคุณไปหาคำตอบ รวมทั้งวิธีการแก้ปัญหาที่เหมาะสมเพื่อจะได้นำไปใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้ากัน

 

รถสตาร์ทไม่ติดเกิดจากอะไร พร้อมวิธีแก้ไขที่เหมาะสม


1. แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ

หากรถสตาร์ทไม่ติดสิ่งที่ควรพิจารณาเป็นอันดับแรกเลยก็คือ แบตเตอรี่ เพราะหน้าที่หลักของแบตเตอรี่ คือการป้อนกระแสไฟเข้าไปที่มอเตอร์สตาร์ท เพื่อใช้จุดระเบิดสตาร์ทให้รถติดขึ้นได้ หากแบตเตอรี่เสื่อมสภาพก็จะทำให้มีกระแสไฟไม่เพียงพอสำหรับส่งไปยังมอเตอร์สตาร์ท โดยสามารถสังเกตได้จาก เมื่อเปิดกุญแจรถแล้วไฟไม่ติด ไม่มีการโชว์สถานะไฟใดๆ นั่นอาจคาดเดาได้ว่าแบตเตอรี่เสื่อมจนทำให้รถสตาร์ทไม่ติดแบตหมดจนไม่สามารถเก็บไฟไว้ได้ รวมทั้งอาจเกิดจากขั้วแบตเตอรี่หลวมก็เป็นได้

โดยส่วนใหญ่แล้วแบตเตอรี่จะมีอายุการใช้อยู่งานประมาณ 1 ปีครึ่ง ถึง 2 ปี หากครบตามกำหนดก็ควรเปลี่ยนแบตให้เรียบร้อย หรือหากแบตหมดก่อนเวลาอันควร ในเบื้องต้นอาจใช้วิธีการพ่วงแบตกับรถคันอื่นเพื่อช่วยสตาร์ท และหากสตาร์ทติดแล้วไม่ควรรีบดับเครื่องยนต์ทันที ควรติดเครื่องไว้สักพัก เพื่อให้แบตเตอรี่ได้ทำการชาร์จไฟเก็บไว้เสียก่อน หลังจากนั้นควรรีบทำการเปลี่ยนแบตใหม่เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาขึ้นอีก

 

 

2. มอเตอร์สตาร์ทมีปัญหา

หากรถสตาร์ทไม่ติดและทดลองพ่วงแบตเตอรี่กับรถคันอื่นสำหรับช่วยสตาร์ทดูแล้ว แต่รถก็ยังสตาร์ทไม่ติดอยู่ดี มีเพียงเสียงแชะๆ ทั้งที่บริเวณแผงหน้าปัดไฟโชว์สถานะต่างๆ ติดแล้ว อาจเดาได้ว่ารถสตาร์ทไม่ติดเกิดจากมอเตอร์สตาร์ท หรือที่หลายคนเรียกกันว่าไดสตาร์ทมีปัญหา ซึ่งอาจเกิดจากการเสื่อมสภาพจากสาเหตุต่างๆ ยกตัวอย่างเช่น สายไฟที่ต่อไปยังสตาร์ทมอเตอร์เกิดการขาด หลุด ชำรุด หรือ แปรงถ่านหมด เป็นต้น

โดยทั่วไปอาการไดสตาร์ทมีปัญหามักจะเกิดจากการสตาร์ทรถโดยการบิดกุญแจแช่ค้างไว้จนอาจทำให้มอเตอร์สตาร์ทเกิดการไหม้ หรืออาจเกิดจากน้ำและความชื้นเข้าไปทำให้อุปกรณ์ภายในเกิดสนิม จนมอเตอร์สตาร์ทไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ซึ่งมักจะมีความยุ่งยากในการแกะออกมาซ่อมแซม ดังนั้นวิธีการที่เหมาะสมจึงควรหาช่างที่มีเครื่องมือ มีความรู้ ความชำนาญ มาช่วยตรวจเช็กให้ ก็จะช่วยให้รถสตาร์ทติดง่ายเหมือนเดิม หมดห่วงเรื่องรถเสียกลางทางซ้ำอีก

 

 

3. ไดชาร์จเสื่อม

เนื่องจากไดชาร์จเป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่ในการจ่ายไฟเข้าไปยังแบตเตอรี่ โดยการเก็บไฟที่เกิดขึ้นจากการที่รถกำลังขับเคลื่อนอยู่เข้าไปเก็บไว้ในแบตเตอรี่ ดังนั้นหากไดชาร์จเสื่อมก็จะไม่สามารถส่งไฟเข้าไปเก็บไว้ในแบตได้ ซึ่งมักจะแสดงอาการคล้ายกับแบตเตอรี่เสื่อม แต่จะแตกต่างกันตรงที่รถอาจจะดับในขณะที่กำลังขับขี่อยู่เลยก็ได้ หรือแม้จะมีการเปลี่ยนแบตเตอรี่ไปแล้วก็ยังเจอปัญหารถสตาร์ทไม่ติดซ้ำอีก

ปัญหารถสตาร์ทไม่ติดเกิดจากไดชาร์จนั้น สามารถสังเกตอาการได้จากไฟหน้าไม่สว่างเช่นเคย หรืออยู่ดีๆ แอร์ก็ไม่เย็นโดยไม่ทราบสาเหตุ และยังสามารถเช็คได้จากการสตาร์ทรถทิ้งไว้ แล้วถอดขั้วแบตเตอรี่ออกหนึ่งข้าง หลังจากนั้นรอสักพัก หากรถกระตุกหรือดับ หมายความว่าไดชาร์จรถยนต์ของคุณเสื่อมสภาพแล้วอย่างแน่นอน ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดก็คือการให้ช่างที่มีความชำนาญทำการซ่อมแซมให้นั่นเอง

 

 

4. เข้าเกียร์ไม่ถูกต้อง

ปัญหาของรถสตาร์ทไม่ติดเกียร์ออโต้ที่มักจะเจออยู่บ่อยๆ ก็คือมือใหม่ที่ยังไม่มีความชำนาญจึงไม่เข้าใจว่าสำหรับรถเกียร์ออโตนั้น หากจะสตาร์ทรถให้ติด ต้องเข้าเกียร์ไว้ที่ตำแหน่ง P หรือ ตำแหน่ง N ซึ่งหากเข้าเกียร์ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องก็ไม่สามารถสตาร์ทรถให้ติดได้ ในปัจจุบันในรถรุ่นใหม่ๆ ยังมีการพัฒนาให้ต้องเหยียบคลัชร่วมด้วยจึงจะสามารถสตาร์ทรถติด เพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้งานนั่นเอง

ปัญหารถสตาร์ทไม่ติดเกียร์ออโต้สามารถแก้ไขง่ายๆ ด้วยตัวเอง โดยการใส่เกียร์ในตำแหน่งที่ถูกต้อง เหยียบคลัชแล้วจึงสตาร์ท แต่ถ้าหากลองปฏิบัติครบทุกอย่างแล้ว รถก็ยังสตาร์ทไม่ติดอยู่ดี ควรเรียกช่างที่ไว้ใจได้ว่ามีความชำนาญในการซ่อมรถเกียร์ออโตมาช่วยทำการตรวจเช็ก เพื่อตรวจหาสิ่งผิดปกติจะได้ซ่อมแซมให้เรียบร้อย และสามารถนำกลับมาใช้งานได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้นต่อไป

 

จะเห็นได้ว่ารถสตาร์ทไม่ติดเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นรถสตาร์ทไม่ติดเกียร์ออโต้ที่เกิดจากการเข้าเกียร์ผิด ซึ่งสามารถแก้ไขด้วยการเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ให้ถูกต้อง หรือรถสตาร์ทไม่ติดแบตหมดอายุ แบตเสื่อมสภาพ ซึ่งหากเกิดจากสาเหตุนี้สามารถแก้ไขในเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง เพียงแค่พ่วงแบตเตอรี่จากรถคันอื่นสำหรับช่วยสตาร์ทรถ และหากรถสตาร์ทไม่ติดเกิดจากมอเตอร์สตาร์ทมีปัญหาไดชาร์จเสื่อม หรือไม่มั่นใจว่าเกิดจากสาเหตุใด ควรเรียกช่างที่มีความชำนาญในการซ่อมแซม มีความน่าเชื่อถือมาช่วยทำการตรวจสอบ ซึ่งในปัจจุบันมีบริการซ่อมรถฉุกเฉินนอกสถานที่ สำหรับอำนวยความสะดวกโดยไม่ต้องเสียเวลาหารถยก รถลากให้วุ่นวาย ไม่ว่ารถจะเสียที่บ้าน ที่ทำงาน รถเสียกลางทางหรือที่ไหนๆ ก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป